BCM หรือ BCP ที่องค์กรต้องมี ?

BCM และ BCP เป็นคำที่ทุก ๆ คนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า  องค์กรในยุคปัจจุบันต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มากระทบกับการดำเนินงานขององค์กรที่อาจจะทำให้เกิดการหยุดชะงักการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและมีผลประกอบการที่ดีที่เป็นไปตามเป้าหมายที่แต่ละองค์กรตั้งไว้ในระดับที่ยอมรับได้ โดยสิ่งที่ต้องทำคือ “ทำ BCM และจัดทำแผน BCP” และการทำ BCM และแผน BCP มีความแตกต่างกันอย่างไรกันล่ะ? 

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักถึงความหมายของ “BCM” และ “BCP” กันก่อนว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร 

ดังนั้นองค์กรจะจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (หรือที่เรียกกันติดปากว่า “แผน BCP”) และนำไปใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพได้นั้นองค์กรจะต้องมีการกำหนดกระบวนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (หรือ BCM) ที่บูรณาการเข้ากับผังกระบวนการทางธุรกิจขององค์กร (Business Process) เพื่อให้เกิดการจัดทำแผน BCP ได้อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้องค์กรอาจพิจารณาเลือกใช้

เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจขององค์กรหรือใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจสำหรับใช้ในการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการหยุดชะงักที่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรเพื่อองค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่องค์กรได้กำหนดไว้ได้อย่างยั่งยืนต่อไป 


ที่มาแหล่งข้อมูล :


ปรับปรุงข้อมูล : เมษายน 2565

องค์กรต้องมี BCM หรือ BCP เพื่อเก็บรักษาความยั่งยืนและความเชื่อถือในตลาด นี่คือเหตุผลหลักที่องค์กรต้องมี BCM หรือ BCP 

เราจะสร้าง BCP ให้กับองค์กรของเราเริ่มได้อย่างไร

การสร้างแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) เกี่ยวข้องกับการรวบรวมทีมงาน ศึกษาความเสี่ยงและภารกิจหลัก และเลือกกิจกรรมการกู้คืน จากนั้นเขียนแผนเป็นชุดรายการและแนวทางปฏิบัติ ซึ่งอาจจัดการกับความเสี่ยงต่างๆ เช่น อัคคีภัย น้ำท่วม โรคระบาด หรือการละเมิดข้อมูล จากข้อมูลของ Alex Fullick ทางออกที่ดีที่สุดของคุณคือสร้างแผนง่ายๆ

ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนบางส่วนที่จะช่วยคุณสร้าง BCP ที่มีประสิทธิภาพสำหรับองค์กรของคุณ

1. สร้างทีมความต่อเนื่องหลักที่รับผิดชอบในการจัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจของคุณ

2. พิจารณาคน สินทรัพย์ และกระบวนการ

3. หารือเกี่ยวกับการพึ่งพา

4. ระบุลำดับความสำคัญของการดำเนินงานและกำหนดวัตถุประสงค์ของเวลาการกู้คืนที่ยอมรับได้

5. ฝึกฝนแผนของคุณและวางแผนที่จะฝึกฝน

6. ตรวจสอบและอัปเดตแผนของคุณอย่างสม่ำเสมอ    

นี่คือตัวอย่างของบางองค์กรที่ใช้ระบบ BCM (Business Continuity Management) และ BCP (Business Continuity Planning) ในประเทศไทย 

อย่างไรก็ตาม, การใช้ระบบ BCM และ BCP ขึ้นอยู่กับธุรกิจและอุตสาหกรรมของแต่ละองค์กร มีองค์กรอื่น ๆ ในประเทศไทยที่ใช้ระบบเหล่านี้เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง

สรุป BCM หรือ BCP เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ความเสี่ยง หรือภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกในองค์กรและผู้เกี่ยวข้องภายนอก ทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการได้ตลอดเวลาแม้ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังช่วยลดความสูญเสียทางการเงินและทรัพยากรในกรณีภัยคุกคาม