ISO 20400:2017 Sustainable procurement — Guidance
การจัดหาอย่างยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานขององค์กรและเป็นบทบาทที่สำคัญขององค์กรที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมที่องค์กรได้มีการดำเนินการที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน องค์กร ISO ได้ดำเนินการจัดทำมาตรฐาน ISO 20400 ที่ให้แนวทางในการจัดหาอย่างยั่งยืนให้กับองค์กรได้นำไปประยุกต์ใช้ มาตรฐาน ISO 20400 ถูกประกาศใช้เป็นมาตรฐานเมื่อ ปี ค.ศ. 2017 (First Edition)
โดยมีเนื้อหาสำคัญในมาตรฐาน ISO 20400 ดังนี้
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักพื้นฐานของการจัดหาอย่างยั่งยืน (Understanding the fundamentals) มาตรฐาน ISO 20400 ให้ภาพรวมของการจัดหาอย่างยั่งยืนที่ดำเนินการตามหลักการและหัวข้อหลักของการจัดหาอย่างยั่งยืน และการตรวจสอบถึงเหตุผลที่องค์กรต้องมีการจัดหาอย่างยั่งยืน โดยมีข้อพิจารณาในการจัดหาอย่างยั่งยืนที่สำคัญประกอบด้วย การจัดการกับความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (รวมถึงโอกาสด้านความยั่งยืน) ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมการจัดหา การจัดการกับผลกระทบที่ส่งผลต่อความยั่งยืนในด้านลบผ่านการสอบทานทางธุรกิจ (Due diligence) การจัดลำดับความสำคัญของประเด็นความยั่งยืน (Sustainability issues) การใช้ขีดความสามารถขององค์กรในการโน้มน้าวให้ผู้จัดหาและผู้มีส่วนได้เสียมีพฤติกรรมที่มุ่งสู่การสร้างความยั่งยืน และการหลีกเลี่ยงการร่วมกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อความยั่งยืน
การบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับนโยบายและกลยุทธ์การจัดหาอย่างยั่งยืนขององค์กร (Integrating sustainability into the organization's procurement policy and strategy) ให้แนวทางถึงวิธีการบูรณาการการพิจารณาความยั่งยืนในระดับกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับหลักปฏิบัติในการจัดหาขององค์กร ที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรจะนำไปทำการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์การจัดหาอย่างยั่งยืน
การจัดการหน้าที่งานการจัดหาที่มุ่งสู่ความยั่งยืน (Organizing the procurement function towards sustainability) ระบุประเด็นการพิจารณาเงื่อนไขและเทคนิคการจัดการขององค์กรที่จำเป็นต่อการดำเนินการจัดหาอย่างยั่งยืนและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องให้ประสบความสำเร็จ (เช่น การกำกับการจัดหา การระบุและการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย การกำหนดลำดับความสำคัญของการจัดหาอย่างยั่งยืน การวัดและการปรับปรุงสมรรถนะการจัดหาอย่างยั่งยืน และการกำหนดกลไกในการรับเรื่องร้องทุกข์) โดยการกำหนดเงื่อนไขและหลักปฏิบัติให้ผู้ปฏิบัติงานที่รับผิดชอบในการจัดหาสินค้าหรือบริการสามารถบูรณาการข้อพิจารณาความยั่งยืนเข้ากับกระบวนการจัดหาขององค์กร
การบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกระบวนการจัดหา (Integrating sustainability into the procurement process) โดยการกำหนดกระบวนการจัดหาและวิธีการในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการจัดหาที่จะบูรณาการหลักปฏิบัติการจัดหาที่ยั่งยืนเข้าไปกับการปฏิบัติงานตั้งแต่
การบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การจัดหา (Sourcing strategy)
การบูรณาการข้อกำหนดด้านความยั่งยืน (Sustainability requirements) เข้ากับคุณสมบัติหรือลักษณะที่ต้องการ (Specifications)
การคัดเลือกผู้จัดหา (Suppliers) และ
การจัดการกับสัญญา (Contracts)
ทั้งนี้องค์กรอาจพิจารณาประเด็นความยั่งยืนที่ได้ถูกกำหนดไว้ในมาตรฐาน ISO 26000 มาบูรณาการเข้ากับการดำเนินการจัดหาเท่าที่เป็นไปได้
ที่มาแหล่งข้อมูล :
องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for Standardization– ISO) https://www.iso.org
การใช้ประโยชน์
การจัดซื้ออย่างยั่งยืนสามารถให้ประโยชน์มากมายแก่องค์กร รวมถึงการลดความเสี่ยง การลดต้นทุน การเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น ชื่อเสียงของอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น และกลยุทธ์ที่พิสูจน์ได้ในอนาคต ¹ ด้วยการรวมการพิจารณาด้านความยั่งยืนเข้ากับการตัดสินใจและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง องค์กรต่างๆ สามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ปรับปรุงความหลากหลายของซัพพลายเออร์ และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
การจัดซื้ออย่างยั่งยืนยังสามารถช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานอุตสาหกรรม ปรับปรุงความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ และลดต้นทุนผ่านประสิทธิภาพการดำเนินงานและการลดของเสีย² ด้วยการส่งเสริมพฤติกรรมที่ยั่งยืนในหมู่ซัพพลายเออร์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย องค์กรยังสามารถหลีกเลี่ยงการสมรู้ร่วมคิดในการปฏิบัติที่เป็นอันตราย และเพิ่มชื่อเสียงในฐานะพลเมืองขององค์กรที่มีความรับผิดชอบ มีอะไรอีกบ้างที่คุณต้องการทราบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน?
การจัดซื้ออย่างยั่งยืนเป็นกระบวนการของการรวมเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และปัจจัยด้านประสิทธิภาพเข้ากับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรและการตัดสินใจในการจัดหา แนวทางนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดผลกระทบด้านลบของการจัดซื้อที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมผลลัพธ์เชิงบวก เช่น การอนุรักษ์ทรัพยากร การลดปริมาณของเสีย และความเท่าเทียมทางสังคม
ตัวอย่างของแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน ได้แก่:
- กำหนดเกณฑ์ความยั่งยืนสำหรับซัพพลายเออร์และผลิตภัณฑ์
- ดำเนินการตรวจสอบสถานะเพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนและผลกระทบของซัพพลายเออร์และผลิตภัณฑ์
- จัดลำดับความสำคัญของผลิตภัณฑ์และบริการที่ยั่งยืนในการตัดสินใจจัดซื้อ
- มีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน
- การติดตามและรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน
ประโยชน์ของการจัดซื้ออย่างยั่งยืนอาจรวมถึงการประหยัดต้นทุน ลดความเสี่ยง ชื่อเสียงที่ดีขึ้น การเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น ความหลากหลายของซัพพลายเออร์ที่เพิ่มขึ้น และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การนำแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืนมาใช้ องค์กรสามารถแสดงความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืนและความรับผิดชอบขององค์กร ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงผลกำไร
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน ได้แก่ การพัฒนากลยุทธ์ความยั่งยืนที่ชัดเจนสำหรับการจัดซื้อ การกำหนดเป้าหมายที่วัดได้และตัวบ่งชี้ประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน และติดตามและปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือต้องรวมข้อพิจารณาด้านความยั่งยืนไว้ในทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดซื้อ ตั้งแต่การวางแผนและการจัดหา ไปจนถึงการจัดการสัญญาและการตรวจสอบประสิทธิภาพ